รีวิวหนังใหม่ : Jurassic World Rebirth (2025) จูราสสิค เวิลด์: กำเนิดชีวิตใหม่
หนึ่งเฟรนไชส์หนังสุดคลาสสิกที่ไม่ยอมล้มหายตายไปได้ง่าย ๆ ที่ยังพยายามมองหาลู่ทางและช่องในการสานต่อลมหายใจได้อยู่เรื่อย ๆ กลับมาหนนี้ก็แบกรับความกดดันที่หวังจะมีโอกาสได้สานต่อเป็นไตรภาคใหม่ หลังจากที่ไตรภาคที่แล้วเขาทำเอาไว้ได้ดีเหลือเกิน คัมแบ็กมาใน “Jurassic World Rebirth จูราสสิค เวิลด์: กำเนิดชีวิตใหม่” การจุดประกายไฟแห่งวังวนผจญโลกไดโนเสาร์ครั้งใหม่ที่ยังน่าตื่นตาเหมือนเคย
5 ปีหลังจากเหตุการณ์ไดโนเสาร์อุบัติออกมาสู่โลกกว่าง แต่บัดนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าระบบนิเวศของโลกใบนี้ไม่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของไดโนเสาร์ จึงทำให้เหล่าไดโนเสาร์ที่หลงเหลืออยู่ ต้องอาศัยอยู่ในสถานที่ห่างไกลในแถบเส้นศูนย์สูตรที่สภาพอากาศคล้ายคลึงกับยุคเรืองรองที่พวกมันเป็นเจ้าของโลกใบนี้ และสิ่งมีชีวิตยักษ์ใหญ่สามตัวที่อยู่อาศัยในแถบป่าดิบชื้นแห่งนี้ ก็ได้เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การสร้างยารักษาที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการช่วยชีวิตมนุษย์ชาติ
สำหรับหนังภาคนี้ได้หนึ่งในผู้กำกับไฟแรงที่คิวฮอตเป็นว่าเล่น อย่าง “แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์” มารับหน้าที่ดูแลงานสร้าง นับว่าเป็นอีกครั้งที่เขาได้รับความไว้วางใจให้มาจัดการละเลงงานสร้างหนังระดับเฟรนไชส์ใหญ่อีกครั้ง ที่แน่นอนว่าประสบการณ์อันเรืองรองนับสิบปี นับตั้งแต่เขาแจ้งเกิดมาจากภาคแยกหนังสตาร์วอร์สเรื่องดัง ก็เป็นการเพาะบ่มที่เหมาะเจาะในการนำมาสู่จักรวาลไดโนเสาร์ที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ และเขาก็รับมือกับมันได้อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ในแง่งานสร้างใน Jurassic World Rebirth แทบไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงเลย เพราะคุณจะสามารถไว้วางใจกับวิสัยทัศน์และมุมมองการถ่ายทอดหนังของแกเร็ธได้อย่างสบายใจ ทิศทางหนังในฝีมือเขามักจะเต็มไปด้วยลูกเล่นที่น่าสนใจเสมอ ๆ ยิ่งครั้งนี้บุกป่าฝ่าดงลงทะเลในงานสร้างที่ทุนหนาด้วยแล้ว เขาก็จัดให้แบบไม่ยั้งมือ แม้ว่าส่วนประกอบมากมายของหนังก็คือการทำงานร่วมกับงานซีจีและเทคนิคพิเศษเสริมตลอดทั้งเรื่องก็ตาม แต่งานดีไซน์ก็ยังชวนตื่นตะลึงได้ดี
แล้วกิมมิกของความเป็นแกเร็ธ ที่ใส่มาได้ลงล็อกกับแนวถนัดของเขาพอดี ก็คือการเซอร์วิสแฟน ๆ หนังชุดนี้ด้วยโทนบรรยากาศแห่งความระทึกขวัญเขย่าขวัญ กลายเป็นหนังจูราสสิคที่ยังคงสอดแทรกการผจญภัยที่เต็มไปด้วยภัยอันตรายรายล้อมชวนหายใจหายคอไม่ทั่วท้องอยู่ตลอดเรื่อง นี่คือไฮไลต์อันเป็นเสน่ห์ที่หนังสามารถกระทำการเซอร์วิสแฟนหนังชุดนี้ได้อย่างน่าพึงพอใจและบันเทิงได้ดีแท้แน่นอน
ขณะที่งานเทคนิคพิเศษและออกแบบซีจีต่าง ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีใช้ได้ตามมาตรฐานความเป็นจูราสสิค สำหรับในภาคนี้อาจจะไม่ได้เห็นจังหวะการเสิร์ฟความตื่นตาเกี่ยวกับไดโนเสาร์พันธุ์น่ารู้มากเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีสอดแทรกชวนเคลิ้มได้อยู่ ผนวกกับความพยายามสร้างไดโนเสาร์สายพันธุ์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม ที่นับว่าเป็นความทะเยอทะยานครั้งใหม่ของหนังชุดนี้ ที่ท้าทายและดึงคนดูไปตรงกลางระหว่างความกลัวกับความประทับใจ
แน่นอนว่าเราทราบกันดี Jurassic World Rebirth ได้ยกกองถ่ายมาทำงานหลัก ๆ ทางภาคใต้ของไทย บอกได้เลยว่าประมาณ 70% ของหนังเรื่องนี้ก็คือใช้เซตติ้งที่อยู่ในเมืองไทยจริง ๆ แฟนหนังชาวไทยจะได้ดื่มด่ำกับโลกของจูราสสิคในโลเคชันธรรมชาติในเมืองไทย ที่ถูกแต่งเติมด้วยซีจี ที่มีทั้งเนียนบ้างและยังไม่เนียนบ้างตามประสา แต่ความงามในสถานที่ดัง ๆ ในเมืองไทยก็ได้ปรากฏสู่สายตาชาวโลกและอยู่ในเฟรนไชส์หนังเรื่องยิ่งใหญ่ระดับโลกอีกครั้ง
- ประเภท: แอคชัน / อาชญากรรม / ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์
- นำแสดงโดย: สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน, มาเฮิร์ซชาลา อาลี, โจนาธาน เบลีย์
- ความยาว: 134 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 2 กรกฎาคม 2025
#ดูหนัง #หนังออนไลน์ #ดูหนังใหม่ #ดูหนังออนไลน์